วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

[Touhou]พ่อค้าทื่ไร้ลูกค้าในเก็นโซเคียว

วันนี้เราจะพาให้ทุกท่านได้ไปรู้จักกับร้านขายของแห่งหนึ่งในย่านของ เก็นโซเคียว !!

เจ้าของร้านโควรินโดว
โมริจิกะ รินโนะสุเกะ Rinnosuke Morichika 

 

หรือทื่ทุกท่านได้รู้จักในนามว่าทื่สามีของ Keine (ว่างๆจะทำข่าวงานแต่งให้)
 อาชีพ : เจ้าของร้านอุปกรณ์
ความสามารถ : ทราบชื่อและประโยชน์ของอุปกรณ์แต่ไม่รู้วิธีใช้...
ที่อยู่อาศัย : ร้านโควรินโดว (ตั้งในทำเลทื่คนไม่กล้าเข้าแล้วเสือกบอกว่า " ขาดทุน ")


เจ้าของร้านโควรินโดว, ร้านขายอุปกรณ์ซึ่งเปิดกิจการอยู่ตรงทางเข้าป่าเวทมนตร์
ในร้านโควรินโดวไม่มีพนักงานคนอื่นเลย
หากจะให้พูดชี้ชัด, เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับโยวไค
จึงมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ แต่คงเพราะไม่ได้ฝึกฝีมือ ทำให้ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก
ในอดีตเขาเคยทำงานให้กับตระกูลคิริซาเมะซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ที่ ใหญ่ที่สุด แต่เมื่อความสามารถของตัวเองตื่นขึ้นก็คิดขึ้นมาว่า
จะมัวทำงานในร้านอุปกรณ์ธรรมดาอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ว่าใครก็เดือดร้อนเพราะไม่รู้วิธีใช้ต่างหากจากนั้นก็แยกตัวออกมาตั้งร้านของตัวเอง
อุปกรณ์ที่ไม่ว่าใครก็เดือดร้อนเพราะไม่รู้วิธีใช้ ก็คงไม่พ้นอุปกรณ์จากโลกภายนอก
เขาเป็นคนที่รอบรู้ แต่มีนิสัยชอบคิดหมกมุ่นด้วยตัวเดียวอยู่เรื่อยจนไม่ค่อยออกมาจากร้าน และแสดงความเย็นชาแม้แต่กับลูกค้าเป็นนิสัยที่ไม่เหมาะกับการทำมาค้าขายยิ่งนัก

ความสามารถ


มีความสามารถในการรู้ชื่อและคุณประโยชน์ของอุปกรณ์ต่างๆ*
* เดาเอา
แม้แต่อุปกรณ์ที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก,
เพียงแค่ได้มองก็จะมีชื่อของมันลอยขึ้นมาในหัว, และเพียงแค่เอ่ยปากพูดชื่อของมันออกมาก็จะสามารถจินตนาการประโยชน์การใช้งานของมันได้
นับว่าเป็นความสามารถที่เหมาะกับร้านอุปกรณ์อย่างมาก แต่ก็มีจุดบอดร้ายแรงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือการที่รู้ไปไม่ถึงวิธีใช้งานของอุปกรณ์นั้นๆ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่หาได้ในร้านโควรินโดวเป็นอุปกรณ์ที่ต้องตรวจสอบค้นหาวิธีการใช้งานด้วยตัวเอง*
*อุปกรณ์จากโลกภายนอกนั้นมีของที่ไม่สามารถรู้วิธีใช้ได้ด้วยลางสังหรณ์อยู่มากเกินไป
แต่กระนั้นก็ยังมีอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่เข้าใจถึงวิธีใช้งาน, บางชิ้นสามารถใช้งานได้ตามปกติอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หากใช้งานมันได้ ก็จะสามารถทำการรับความเมตตาจากวิทยาการชั้นสูงของโลกภายนอกได้ แต่ขายอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ส่วนใหญ่นั้นเขาจะไม่ขาย
กล่าวคือ รับความเมตตาจากวิทยาการชั้นสูงของโลกภายนอกแต่เพียงผู้เดียว นั่นเอง
(สำนวน "รับความเมตตาจาก..." นี้ปกติจะใช้กับพวกเทพเจ้าหรือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เช่น จากแสงอาทิตย์ จากเทพเจ้า ฯลฯ)
(มีความหมายถึงการได้รับประโยชน์และความสุขจากสิ่งนั้นๆ)
แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของร้านคนไหนที่ไม่เหมาะกับการทำมาค้าขายขนาดนี้อีกแล้ว
แต่ก็มีเพียงร้านโควรินโดวเท่านั้นที่จำหน่ายอุปกรณ์จากโลกภายนอก จึงมีลูกค้าขาประจำอยู่เหมือนกัน
(มิโกะไถ่ตัง&แม่มดจอมโด้ของ)

ร้านโควริวโดว 

อาคารแบบต่างประเทศซึ่งมีข้าวของวางระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง โดยมีป่าเวทมนตร์อยู่เบื้องหลัง
นั่นล่ะ ร้านโควรินโดว
เป็นร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์จำพวก อุปกรณ์จากโลกภายนอก, อุปกรณ์ของโยวไค, อุปกรณ์ของโลกวิญญาณ อะไรทำนองนั้นมากกว่าของใช้ประจำวัน
ร้านโควรินโดวไม่ปฏิเสธทั้งมนุษย์และโยวไค ไม่ว่าใครก็เข้าไปจับจ่ายได้
ภายในร้านมีสิ่งของมากมายถูกจัดวางไว้อย่างลวกๆ จนนึกได้แค่อย่างเดียวว่าเป็นคลังสินค้า
สิ่งของที่ถูกวางเรียงรายล้วนเต็มไปด้วยของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ดังนั้นถ้าสนใจของชิ้นไหนขึ้นมาก็ต้องถามเจ้าของร้านเท่านั้น
ไม่มีราคาแปะไว้และไม่รู้ราคาตลาด จึงควรระวังเรื่องราคาเปลี่ยนแปลงตามใจปากของเจ้าของร้าน
(เวลาไปซื้ออย่าพูดอะไรทื่มันไม่เข้าหูนะเดียวนํ้าตาตกเพราะของแพงหูฉี่)
ด้านในของร้านมีคลังสินค้าที่ค่อนข้างใหญ่เอาการอยู่ และอุปกรณ์ที่หลับใหลอยู่ในที่แห่งนั้นล้วนเป็นสินค้าไม่ขาย
การที่ไม่ขายสินค้าที่ตัวเองถูกใจหรือเห็นว่ามีประโยชน์จนไม่รู้ว่ามีความตั้งใจจะค้าขายรึเปล่า* ก็ถือเป็นลักษณะเด่นของร้านโควรินโดว
*ไม่มีหรอก

สินค้าหลักที่กำลังวางขายในร้านโควรินโดว


・Stove

ต่อให้เป็นฤดูหนาว แต่ในร้านโควรินโดวก็ยังอบอุ่น
ออกจะถึงขั้นร้อนเสียด้วยซ้ำ แต่ยังไงเสียก็ต้องนับเป็นพระคุณของเจ้า Stove (เครื่องทำความร้อน) ตัวนี้

แต่เชื้อเพลิงของมันไม่สามารถหาได้โดยทั่วไป* ดังนั้นซื้อไปก็ไม่มีประโยชน์
*3แล้วเขาไปเอาเชื้อเพลิงมาจากไหนกันนะ


・Personal Computer

ภูตรับใช้ของโลกภายนอก*
*ภูตรับใช้แพ้น้ำ, เจ้า Computer นี่จึงแพ้น้ำเช่นกัน
สามารถรวบรวมข้อมูลได้ในพริบตาด้วยคำสั่งง่ายๆ

แม้จะมีรูปร่างมากมายหลายแบบ แต่เจ้าของร้านไม่เคยแม้แต่จะทดลองใช้งาน
พูดได้เต็มปากว่า ซื้อไปก็เปล่าประโยชน์


・โทรศัพท์มือถือ

สามารถใช้สนทนากับผู้ที่อยู่ไกลออกไปได้
ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุดซึ่งสามารถติดต่อพูดคุยได้กระทั่งบรรพบุรุษที่อยู่ในโลกวิญญาณ แต่เจ้านี่ก็ยังไม่เคยทดลองใช้เช่นกัน

คงเอาไปใช้ได้แค่เป็นหนึ่งในห่ากระสุน โดยขว้างออกไปสุดแรงเท่านั้น


・กล้องถ่ายรูป

กล้องถ่ายรูปแบบเดียวกับที่พวกเทนกุใช้กัน
แต่มีขนาดเล็กและบางเบากว่ากล้องถ่ายรูปของเทนกุ
ดูเหมือนเจ้าของร้านจะกล่าวไว้ว่า มันมีอีกชื่อว่า Digital Camera

ไม่ว่าจะทำยังไงกับเจ้านี่ ก็ไม่มีภาพถ่ายออกมาเลย
การาคุตะ
(หมายถึง สิ่งของที่ไม่มีค่าแล้วหรือใช้งานไม่ได้แล้ว ว่าง่ายๆก็คือ ขยะ)


・Television (TV)

กล่องที่สามารถฉายวิญญาณของทิวทัศน์ที่อยู่ไกลออกมาได้

สิ่งที่ฉายภาพมนุษย์จะมีวิญญาณมาสิงสู่ได้ง่าย, น่าจะใช้ประโยชน์ในการเก็บพลังวิญญาณได้


・เครื่องกรองน้ำ

อุปกรณ์ลึกลับที่สามารถทำให้น้ำใสสะอาดได้ด้วยการผ่านน้ำลงไปในตัวมัน

แต่รสชาติแย่โดยไม่ทราบสาเหตุ สงสัยของเก่าเกินไป
จึงไม่เป็นที่นิยม


・เครื่องเกม PS3 3DS PSP PSV Xbox

กล่องปริศนา
ของเล่นของโลกภายนอก
มีรูปแบบหลากหลาย

วิธีเล่นไม่แน่ชัด แต่นิยมเอามาตั้งวงเตะเล่นกันแบบเคะมาริ
(กีฬาเตะบอลรูปแบบหนึ่งของญีปุ่น เป็นที่นิยมในยุคเฮย์อัน)

หลังจากทื่ได้เดินชมไปทั่วร้านแล้วท่านก็จะสะดุดไปมองเห็นรูปนี้เข้า !!

ไม่ก็....


แต่เนื่องจากมันหล่อเกินไปเลยหารู้เสื่อมชวนให้นํ้าลายไหลกัน
(คาดว่านํ้าลายจะไม่ไหลอะดิ)

พ่องงงงงงง !!! (หลายท่านคงพูดแบบนี้ 100%)
เอาเป็นว่าวันๆพื่แกไม่ขายของก็คงใชว์ห่วยนะแหล่ะ
จบละ อาเวเซชา ละชะช่า ~ สาระมีแค่ต้นตอน ~....


Touhou ประวัติน่าเศร้าของ Yuyuko

สวัดดีทุกท่านทื่เข้ามาเสพ นะค่ะ !?

หลังจากทื่ไม่ได้อัพบล็อกมานานนับ 2-3 วัน ทำให้บางท่านไม่พอใจชูป้ายไฟประท้วงกันยกใหญ่
 " มาริ มาริ  อัพบล็อก อัพบล็อก "
เอาเป็นว่าวันนี้มาทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวละครใน Touhou ทื่ชื่อว่า Yuyuko กัน !!

 Remix เละเทะโดย Mari-Ash



ชื่อไทย : ไซเงียวจิ ยูยูโกะ
ชื่ออังกฤษ : Saigyouji Yuyuko
ชื่อญี่ปุ่น : 西行寺 幽々子
เผ่าพันธุ์ : ผี
ความสามารถ : ควบคุมความตาย
ที่อยู่ : ตำหนักหยกขาวหรือเมย์ไค(โลกวิญญา๊ณ)

ไซเงียวจิ ยูยูโกะ เจ้าหญิงแห่งโลกวิญญาณ ผู้มีความสามารถในการควบคุม
ความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ประวัติของเธอหากจะกล่าวถึง เรื่องก็ย้อนกลับ
ไปยังอดีตกาล โดยกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกวีสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ทางด้านการกินจุ
อันล้ำเลิศอาศัยอยู่ในเกนโซเกียว เธอเป็นคนที่รักธรรมชาติอย่างมากและมักจะ
ใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางไปใหนมาใหนอยู่ที่เกนโซเกียว และเธอยังมีเพื่อนสนิท
อยู่คนหนึ่งซึ่งใครก็รู้จักเธอในนาม " นอนปล่อยบอท " ก็คือยาคุโมะ ยูคาริ โยว์ไคผู้สิ่งสู่ในเส้นเขตแดนนั่นเอง แต่สิ่งที่
ตัวเธอนั้นไม่พึงปรารถนาและหวาดกลัวมันมาตลอด ก็คือความสามารถในการ
"ควบคุมความตาย" ซึ่งนับวันมันก็เริ่มมีพลังแข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับขั้นชักจูง
ให้คนสามารถตายได้เป็นว่าเล่น เธอกลัวว่ามันจะไปควบคุมผู้อื่นให้พากันฆ่าตัวตายจึงคิด
จะทำการผนึกมันด้วยความตายของตนเสียเอง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอซึ่ง
ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ได้ไปพบกับยูคาริ เพื่อขอให้ยูคาริช่วยเป็นเพื่อนกับเธอแม้ว่า
จะกลายเป็นดวงวิญญาณไปแล้วก็ตาม และกล่าวขอโทษในสิ่งที่ตนได้กระทำลง
ซึ่งยูคาริก็ได้รักษาสัญญานี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบันในฐานะ "เพื่อน" และจะเป็น
เช่นนั้นไปตลอดกาล... กวีสาวได้เลือกสถานที่ฆ่าตัวตายที่ตนชอบ เป็นต้นซากุระ
ขนาดใหญ่ซึ่งนับว่างามที่สุดตั้งตระหง่านอยู่ในสวนตำหนักหยกขาวในโลกวิญญาณ 

 
( สวยชิมิละ ว่างๆก็ไปฆ่าตัวตายกันได้นะ )

และแล้วเธอก็ได้ฆ่าตัวตายลงตรงใต้ต้นซากุระใหญ่ต้นนั้น ซึ่งภายในเวลาต่อมา
ต้นซากุระต้นนั้นก็ได้เบ่งบานอย่างงดงามหาต้นใดเทียบได้ และได้ชักจูงเหล่าผู้คน
จำนวนมากที่คิดจะฆ่าตัวตายเช่นเดียวกันพามากันตายอย่างสงบ ณ ตรงที่แห่งนั้น
จนมันถูกขนานนามว่า "ไซเงียวอายาคาชิ(ภูติท่องตะวันตก)" และต่อมามันก็สะสม
พลังจนพัฒนากลายเป็นโยว์ไคไปในที่สุด อีกทั้งมันยังได้รับความสามารถมาจาก
กวีสาวผู้นั้นก็คือ "ควบคุมความตาย" อีกด้วย ทำให้แม้แต่คนธรรมดาก็ถูกชักจูงมา
สู่ความตาย จนกระทั่งได้มีคนมาฆ่าตัวตายเพิ่มมากแบบลดกระหนํ่า 50% และแล้วในที่สุด
ก็ได้มีผู้แกร่งกล้ามากำหราบไซเงียวอายาคาชิและทำการปิดผนึกมันไว้โดยใช้ร่าง
ของกวีสาวผู้นั้นเป็นร่างผนึก ทำให้ไซเงียวอายาคาชินั้นอ่อนโรยจนแห้งเฉาตายไป
และไม่กลับมาเบ่งบานอีกเลย หลังจากนั้นอีกทางด้านหนึ่ง ก็มีหญิงสาวได้ตื่นขึ้นมา
จากการหลับไหลอันยาวนาน เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลย รู้เพียงแต่ว่าใน
ขณะนี้เธออยู่ในสถานที่ๆเรียกว่า "ตำหนักหยกขาว" ซึ่งตั้งอยู่ในภพที่เรียกว่าเมย์ไค
และเธอก็เป็นวิญญาณเพียงดวงเดียวที่มีร่างเนื้อ จึงทำให้เธอได้กลายเป็นเจ้าหญิง
แห่งโลกวิญญาณไปโดยปริยาย ในนามของ "ไซเงียวจิ ยูยูโกะ" และแล้วเวลาก็ได้
ล่วงเลย จนมาถึง 1000 ปีต่อมา ณ วันหนึ่งยูยูโกะได้เกิดความสงสัยว่า ทำไมซากุระ
ต้นใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านเด่นอยู่กลางสวนนั้นจึงไม่ผลิบานเสียที ไม่ว่าจะผ่านพ้นช่วง
ฤดูใบไม้ผลิไปซักกี่รอบก็ยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด ยูยูโกะจึงได้เข้าไปค้นหาตำรา
และบันทึกเก่าๆในหอสมุดประจำตำหนักหยกขาวที่ตัวเธอมักจะเข้าไปใช้เป็นประจำ
จนไปพบกับบันทึกเล่มหนึ่งเข้าอันมีเนื้อความได้ว่ามีวิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่ง
ได้ผนึกไซเงียวอายาคาชิไว้ และหากปลดผนึกออกมาจะทำให้ไซเงียวอายาคาชิ
กลับมาผลิบานได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังคืนชีวิตกลับคืนให้แก่หญิงสาวคนนั้นอีกด้วย
โดยปกติแล้ว สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งวิญญาณนั้นเกือบทั้งหมดเป็นร่างวิญญาณ
ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยและความสนใจต่อซากศพที่ถูกฝังไว้ให้นอนหลับไหล
อยู่ใต้ไซเงียวอายาคาชิ ด้วยเหตุฉะนี้เอง ยูยูโกะจึงมีความคิดที่ว่าจะปลดปล่อย
ผนึกนั้นออกมา ซึ่งสำหรับยูยูโกะนั้นตามปกติแล้ว ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย
นอกจากเชิญชวนผู้คนหรือไม่ก็โยว์ไคมาสู่ความตายอันเป็นการจุดจบสิ้นแห่งชีวิต
จึงกล่าวได้ว่า ตัวเธอที่เป็นเช่นนั้นกำลังพยายามจะคืนชีพให้กับคนตายเป็นครั้งแรก
ยูยูโกะได้สั่งคอนปาคุ โยว์มุ คนดูแลสวนประจำตำหนักอีกทั้งยังเป็นผู้รับใช้คนสนิท
ให้ทำการรวบรวมฤดูใบไม้ผลิเอาไว้ให้มากที่สุดทั้งจากโลกวิญญาณเองและเกนโซเกียว
ก็ด้วย โดยรูปร่างของฤดูใบไม้ผลินั้นจะเป็นเหมือนกลีบดอกซากุระนั่นเอง จนกระทั่ง
เธอรวบรวมมาได้ระดับหนึ่ง ทำให้ต้นซากุระต้นอื่นๆต่างก็ผลิบานสะพรั่งอย่างงดงาม
ส่วนไซเงียวอายาคาชิก็เริ่มผลิดอกออกมาบ้างแล้ว แม้จะเล็กน้อยก็ตาม แต่นั่นกลับทำให้
เกนโซเกียวประสบภัยพิบัติฉิบหายวายวอดขาดฤดูใบไม้ผลิไป แม้จะเข้าเวลาล่วงเลยแล้วก็ยังคงเป็น
ฤดูหนาวอยู่ แผนการที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ในที่สุดก็ถูกขัดขวางโดยเหล่า
สาวน้อยชาวมนุษย์ทั้ง 3 คน(ก็มี ขาวแดง ขาวดำ เมดPAD) ที่ต้องการจะช่วงชิงเอาฤดูใบไม้ผลิกลับคืนสู่เกนโซเกียว
ยูยูโกะได้ต่อสู้อย่างสุดแรงเกิดเพื่อทำสิ่งที่ต้องการให้บรรลุผล สุดท้ายก็โดน 3 สาวอัดจน K.O
  ส่งผลให้ผนึกถูกทำลายออก และวิญญาณของกวีสาวที่ถูกผนึกก็
ได้รับการปลดปล่อยออกมา แต่หญิงสาวคนนั้นกลับเป็นยูยูโกะเสียเอง  เรื่องราวต่างๆ
ในบันทึก ทั้งเรื่องที่ว่าหญิงสาวผู้จากไป ทั้งเรื่องกวีสาวที่ถูกผนึก ซึ่งมันก็คือเรื่องราว
ความเป็นมาของยูยูโกะเองทั้งสิ้น รวมถึงการที่เธอไม่ได้ไปเกิดใหม่(บาปหนา) ทั้งการที่ไม่ได้หาย
สาบสูญไป และทั้งการที่ได้อาศัยในตำหนักหยกขาว ก็เป็นผลมาจากการมีอยู่ของร่าง
ผนึกแห่งไซเงียวอายาคาชินั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดไปคลายผนึกอันนี้ออก เวลาที่หยุดนิ่งอยู่นั้น
ก็จะไม่ถูกหยุดจะกลายเป็นเริ่มไหลเวียนแทน ซึ่งนั่นจะเป็นการประสบกับความตายของ
ยูยูโกะอีกครั้ง และแล้วผนึกก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไซเงียวอายาคาชิก็กลับมาสงบลง
ดังเดิม ยูยูโกะตื่นขึ้นมาอีกครั้งและจำอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้ลองถามพวก
เรย์มุที่ได้ประสบกับเรื่องนี้กับตา ก็ไม่มีใครยอมบอกสักคน แม้กระทั่งโยว์มุผู้เป็นคนสนิท
ก็ไม่ได้บอกด้วยเช่นกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หากจะหาบุคคลผู้รู้เรื่องราวทั้งหมดนั้นก็คงมีอยู่
เพียงคนเดียวนั่นคือคอนปาคุ โยว์กิ ผู้เป็นทั้งบิดาและอาจารย์ของโยว์มุ และเป็นผู้ดูแล
คนก่อนของยูยูโกะ ซึ่งได้แยกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษที่ใหนสักแห่งโดยที่ไม่มีใครรู้
ยูยูโกะเป็นตัวละครที่มักจะอารมณ์ดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ เธอเป็นผีที่ตะกละมาก จนเรียก
ได้ว่าเธอคงจะไม่รู้จักคำว่าอิ่มด้วยซ้ำ มีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ และชอบแกล้งหรือ
หยอกล้อเหย้าแหย่โยว์มุเป็นบ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส สร้างความลำบากและเหนื่อยใจให้แก่
ตัวโยว์มุยิ่งนัก อีกทั้งสิ่งที่ยูยูโกะชื่นชอบนั้นก็คือ การชื่นชมต้นซากุระเบ่งบานในยามฤดู
ใบไม้ผลินั่นเอง สุดท้าย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ยูยูโกะก็จะใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงของ
โลกวิญญาณและเป็นคุณหนูของตระกูลไซเงียวจิผู้มีร่างดับสูญไปแล้วตลอดกาล เรื่องที่ว่า
ยูยูโกะจะได้ดูไซเงียวอายาคาชิผลิบานอีกครั้งนั้น จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีก... 

จบละ อาเช เอวัง ว่างๆก็ไปฆ่าตัวตายได้นะคุณเอย~...