วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตอบคำถามประจำสัปดาห์

สวัดดีค่ะทุกท่าน....

วันนี้ก็จะมาตอบคำถามประจำสัปดาห์กันนะค่ะ
(รวบรวมในทางจดหมาย+ทางเฟส+ทางบล็อกเก่าๆ)

ถาม : พื่มาริ คิดยังไงมาเขียนบล็อกครับ ?
ตอบ : ก็ว่างๆละค่ะเลยอยากจะหางานอัพข่าวสารตัวเองลงบล็อกให้คนอื่นได้อ่านได้ติดตามกันละค่ะ
และก็คิดจะอัพอะไรตามใจตัวเอง+ตามใจคนอื่นด้วยค่ะ

ถาม : พื่มาริ อยู่สังกัดไหนค่ะ ?
ตอบ : ประจำการอยู่ทื่สังกัด NowPlay-Production ค่ะ พื่ชายพึ่งเปิดใหม่เลยได้อยู่ในนั้น

ถาม : พื่มาริใช้นามปากกาว่าอะไรค่ะและขอประวัตินามปากกาด้วยครับ
ตอบ : นามปากกาใช้ Mari-Ash ค่ะ ส่วนประวัตินั้นมาจากทื่ ชื่อตัวเองนั้นเดิมทื่ก็ Mari อยู่แล้วเลยเอามา    ผสมกับวงดนตรีทื่ชอบนามว่า Ezel-Ash กลายเป็น Mari-Ash ไปค่ะ

ถาม : พื่มาริ จะอัพข่าวทางไหน
ตอบ : อัพได้ทุกๆทางค่ะ แต่ส่วนมากจะออกไร้สาระไปหน่อย

ถาม : น้องมาริ วาดรูปมากี่ปีแล้วค่ะและมีผลงานอะไรเด่นๆบ้าง ?
ตอบ : วาดมา5 ปีแล้วค่ะปีนี้จะเป็นปีทื่6 ส่วนผลงานก็
- ปี2008 รองชนะเลิศในการออกแบบตัวละคร
- ปี2009 เกือบติดไปอยู่ในบริษัท BANDAI ในด้านการออกแบบหุ่นทื่เรียกว่า GUNDAM
- ปี 2010 ได้รับรางวัลครูศิลปะ ด้านการล้อเลียน
- ปี 2011 ได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการวาดรูปอนุรักษ์โลก (ECO)
แค่นี้ละค่ะ

ถาม : มาริไม่สนใจเปิดเพจ Facebook เหรอ
ตอบ : เปิดแล้วคร๊าวันนี้สดๆร้อนๆ นามว่า Mari-Ash

ถาม : พื่มาริช่วยสอนได้มั้ยค่ะ
ตอบ : ได้ค่ะๆ แอดเฟสมาคุยกันได้เลยค่ะส่วนชื่อเฟสจะใส่ให้ด้านล่าง

ถาม : พื่มาริอายุเท่าไหร่มีพื่น้องกี่คน ทำงานอาชีพอะไรบ้างค่ะ
ตอบ : อายุ 26 ค่ะ ทำงานเป็นครูค่ะทื่ Osaka - japan มีพื่น้องนับตัวเองก็3คนค่ะ (เป็นคนทื่2)


เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ละกัน ไว้ใครทื่มีคำถามดีๆอยากถามอะไรก็เชิญถามมาได้เลยค่ะ 



                                    จุดส่งคำถาม



My Facebook : Fujiwara No Mokou (Mari-Ash)
My เพจ : Mari-Ash 


สำหรับวันนี้ก็อัพแค่นี้แหละเอาไรมาก ไปกินนมแล้วนอนเถอะ บ๊ายบาย


วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีขัดใจภรรยา


                                                     (ขอบคุณ คุณ Alice ทื่วาดให้ใช้)
สวัดดีทุกท่านนะค่ะ วันนี้ Mari ก็จะมาพูดเอาใจผู้ชายทื่มีเมียแล้วให้ได้รู้จัก วิธีขัดใจเมีย
                             
เอาละมาเริ่มกันเลยดีกว่า

ชายไทยทุกคนทื่แต่งงานมีลูกแล้วล้วนประสบชะตากรรมคล้ายๆ กันคือตอนแรกทื่แต่งงานภรรยาก็หน้าตาจุ๋มจิ๋มน่ากินตลอดทั้งปี แต่วันเวลาย่อมผ่านไปไม่ถึงปีเท่านั้น ร่างกายของเธอก็จะขยายใหญ่ขึ้นมากกว่าผอมลงซะอีก เมื่อเปรียบเทียบตอนนอนแล้วก็จะสังเกตได้ชัดว่าแรกๆ นอนคนละฝั่งแบบปกติ แต่พอคุณเธออ้วนขึ้น ทำให้เหล่าสามีทั้งหลายจำใจเก็บหมนผ้าห่มไปซุกหัวนอนอยู่ล่างเตียงแทน
 ใหม่ๆ ก็อ่อนน้อมถ่อมตนดีแต่หลังๆนี้ ไม่ค่อยจะยอมผู้ใด
 ไม่เหมือนตอนจีบกันแรกๆ เธอพูดหวานแบบนํ้าตาลยังอายแต่พอแต่งงานแล้ว
 ไอ้ทื่หวานๆ กลายมาเป็นตะคอกเกือบทุกประโยด
 จริงๆ พูดดีๆกันก็ได้ไม่ต้องมาแสดงอำนาจเผด็จการก็ได้ เพราะถึงยังไงผู้ชายเขาก็ยอมกันอยู่แล้ว
 นอกจากจะพูดดังไป3บ้าน8เมืองแล้ว เธอก็ยังชอบตั้งกฏเหล็กให้สามีหัวเสียอีก
 และกฏแต่ละข้อผู้ชายไม่ปลื้มทั้งน๊านนน

อาจารย์มาริครับ ภรรยาผมตั้งกฏไว้ว่า เวลาไปไหนมาไหนห้ามมองผู้หญิงเด็ดขาด นอกจากเธอเพียงผู้เดียว
ขนาดนั้นเลยรึคุณ ฉันถามซํ้า
          แล้วเอ๊งทำไงฟร๊ะ มีคนถามมา
ก็แก้ปัญหาโดยการใส่แว่นดำตลอดเวลาอบมองนะคุณเธอไม่รู้หรอก นาย A ออกความคิดเห็น
ก็เป็นการแก้ปัญหาทื่ดีนะค่ะ แต่ก็...นะถ้าโดนจับได้ละแว่นแตกคาตา ^^"
อาจารย์มาริครับ แฟนผมบอกห้ามฟังเพลง
เพลงอะไรละ ฉันถาม
 ก็เพลง คันหู อะครับ
ฟังคำตอบแล้วไม่ต้องทำอะไรมากนะค่ะนอกจาก ยกนิ้วโป้งให้แล้วบอกว่า
ภรรยาคุณมีวิสัยทัศน์ดีจริงๆ เขาเรียกว่าเป็นการมองการณ์ไกล
พวกผู้หญิงรวมถึงฉันมักจะมองข้ามซ๊อตนี้ได้เสมอนะค่ะ
เอาเป็นว่าจึงไม่น่าแปลกทื่ภรรยาใครจะตั้งกฏมากมายจนจำไม่หมด
เอาเป็นว่าวันนี้จะยกตัวอย่างให้ละกันวิธีขัดคุณเธอ
 ให้สามีชื่อว่า นายทอง ส่วนภรรยาชื่อว่า นางแดง ละกัน
หลังจากทื่นายทองกับนางแดง แต่งงานมาได้ไม่นานได้มีกฏเหล็กนั้นก็คือ ห้ามขัดภรรยาทุกประการ 
เช่น นางแดงจะทาสีบ้านใหม่ นายทองห้ามออกความคิดเห็นเด็ดขาด !!
พอนางแดงตัดสินใจเลือกสีแล้วผลคือ สีส้ม
บ้านบ้าอะไรว่ะสีส้ม นายทองพูดในใจขณะทื่ต้องทำหน้ายิ้มดีใจแล้วพูดว่า
ดีจัง สีส้มนี่สดใสดีทำให้แลดูสว่าง
   นางแดงยิ้มแป้น
   แต่นายทองเกาหัว...
แต่พอทาสีบ้านได้ไม่นานข้างบ้านเอาบ้างและเมียก็เป็นคนตัดสินใจเหมือนกันผลคือ สีนํ้าเงินดำนิดๆ !!
  พอทาเสร็จก็เข้มอื้อดูมืดตึ๊ดตื๋อเหมือนบ้างผีสิงและเคียงข้างบ้านสีส้มอันสดใสของนายทองและนางแดง ใครเดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดสังเกตและคิดตลอดว่า
ไอ้2บ้านนี้แม่งบ้ารึไงว่ะทาสีส้มกับสีนํ้าเงินออกดำนิดๆคู่กัน
 นายทองเวลาเข้าบ้านแล้วอัดอั้นตันใจค่ะ
นายทองเคยออกความคิดเห็นไปว่า
เราน่าจะทาสีนุ่มๆ เวลาดูแล้วก็จะได้สบายตา ใครเดินผ่านไปมาไม่ต้องมาหยุดดูแบบนี้
แต่คำตอบคือ
อย่ายุ่ง อย่าวิจารณ์ !
อึ๋ยส์!
แตะไม่ได้ค่ะ เพราะการตัดสินใจของนางแดงถือว่าสูงสุด นายทองต้องทนอยู่มาตลอด เวลามองสีบ้านทื่ไรก็ให้ร้อนรน จะบ้าตาย พอละสายตาจากบ้านตัวเองไปข้างนอกเสือกเจอบ้านผีสิงอีก !!!
FUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUUCK !!!  นายทองตะโกน
แต่พระเจ้าย่อมเข้าข้างเสมอ !?
มีอยู่วันหนึ่งนางแดงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนควันออกจากรูหู โดยหาว่านายทองไม่สนใจ
 What the Hell !? อะไรของมันอีกว่ะ บางท่านขัด
เธอบอกว่าเวลาอยู่บ้านก็มัวแต่เล่น Facebook ทวิตเตอร์ ไมค่อยได้พูดจากับเธอสักคำ
เมื่อ 5 ปีก่อนละทำเป็นจ๊ะๆ-จ๋าๆ แต่เดียวนี้ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร นายทองตอบ
มันต้องพูดกันบ้าง!
 พูดแล้วกูก็โดน นายทองอยากจะตอบอย่างนั้นแต่ไม่กล้าเลยทำได้แค่ยิ้มเฉยๆ
 แต่นางแดงนึกว่านายทองยิ้มเยาะ เลยโกรธยิ่งกว่าเดิม
น่า่น!ให้มันได้อย่างนั้น
 ไม่เป็นไร ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร ฉันจะไม่ปริปากพูดอะไรกับแกเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม !!
แล้วคุณเธอก็ไม่พูดจริงๆ ไม่ว่านายทองจะทำอะไร เหยดดด แบบนี้ก็เข้าทางแผนการละซี
เห็นเธอไม่พูดนายทองก็ลองของโดยกลับบ้านดึกๆ ผลคือนางแดงนั่งตาขวางแต่ไม่พูด
เห็นเช่นนั้นนายทองยิ่งได้ใจ รีบหายหัวไปเสพสาว Lolicon แบบ 2 วัน3 คืน !
พอกลับมานางแดงก็ทำหน้ายักษ์ใส่ แต่ก็ไม่พูดเหมือนเดิม  นายทองจึงคิดได้ว่านี้คือนาทีทองของชีวิต !
นายทองจึงระดมช่างสีมาเพื่อย้อมสีบ้านโดนนางแดง กัดฟันพร้อมเบิ่งตามองแต่ไม่พูดเพราะกลัวเสียเชิง ภายในไม่กี่วันนายทองก็ทำมิสชั่น คอมพลีต โดยนางแดงก็ยังไม่พูดอยู่ตามเดิม
ฮ่ะๆๆ เป็นไงท่านผู้อ่าน
แต่ตอนคืนดีกันนายทองจะสาหัสปางตายนั้นก็อีกประเด็นนะ เอาเป็นว่านายทองก็สามารถขัดใจเมียได้สำเร็จ
ใครจะเอามุขนี้ไปใช้ก็ไม่ว่า รังรองว่าท่านชนะแน่นอน
แต่ตอนคืนดีกันแล้ว....
อันนั้นตัวใครตัวมันนะ!

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

[Touhou]พ่อค้าทื่ไร้ลูกค้าในเก็นโซเคียว

วันนี้เราจะพาให้ทุกท่านได้ไปรู้จักกับร้านขายของแห่งหนึ่งในย่านของ เก็นโซเคียว !!

เจ้าของร้านโควรินโดว
โมริจิกะ รินโนะสุเกะ Rinnosuke Morichika 

 

หรือทื่ทุกท่านได้รู้จักในนามว่าทื่สามีของ Keine (ว่างๆจะทำข่าวงานแต่งให้)
 อาชีพ : เจ้าของร้านอุปกรณ์
ความสามารถ : ทราบชื่อและประโยชน์ของอุปกรณ์แต่ไม่รู้วิธีใช้...
ที่อยู่อาศัย : ร้านโควรินโดว (ตั้งในทำเลทื่คนไม่กล้าเข้าแล้วเสือกบอกว่า " ขาดทุน ")


เจ้าของร้านโควรินโดว, ร้านขายอุปกรณ์ซึ่งเปิดกิจการอยู่ตรงทางเข้าป่าเวทมนตร์
ในร้านโควรินโดวไม่มีพนักงานคนอื่นเลย
หากจะให้พูดชี้ชัด, เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับโยวไค
จึงมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ แต่คงเพราะไม่ได้ฝึกฝีมือ ทำให้ไม่แข็งแกร่งเท่าใดนัก
ในอดีตเขาเคยทำงานให้กับตระกูลคิริซาเมะซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ที่ ใหญ่ที่สุด แต่เมื่อความสามารถของตัวเองตื่นขึ้นก็คิดขึ้นมาว่า
จะมัวทำงานในร้านอุปกรณ์ธรรมดาอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ว่าใครก็เดือดร้อนเพราะไม่รู้วิธีใช้ต่างหากจากนั้นก็แยกตัวออกมาตั้งร้านของตัวเอง
อุปกรณ์ที่ไม่ว่าใครก็เดือดร้อนเพราะไม่รู้วิธีใช้ ก็คงไม่พ้นอุปกรณ์จากโลกภายนอก
เขาเป็นคนที่รอบรู้ แต่มีนิสัยชอบคิดหมกมุ่นด้วยตัวเดียวอยู่เรื่อยจนไม่ค่อยออกมาจากร้าน และแสดงความเย็นชาแม้แต่กับลูกค้าเป็นนิสัยที่ไม่เหมาะกับการทำมาค้าขายยิ่งนัก

ความสามารถ


มีความสามารถในการรู้ชื่อและคุณประโยชน์ของอุปกรณ์ต่างๆ*
* เดาเอา
แม้แต่อุปกรณ์ที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก,
เพียงแค่ได้มองก็จะมีชื่อของมันลอยขึ้นมาในหัว, และเพียงแค่เอ่ยปากพูดชื่อของมันออกมาก็จะสามารถจินตนาการประโยชน์การใช้งานของมันได้
นับว่าเป็นความสามารถที่เหมาะกับร้านอุปกรณ์อย่างมาก แต่ก็มีจุดบอดร้ายแรงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือการที่รู้ไปไม่ถึงวิธีใช้งานของอุปกรณ์นั้นๆ
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่หาได้ในร้านโควรินโดวเป็นอุปกรณ์ที่ต้องตรวจสอบค้นหาวิธีการใช้งานด้วยตัวเอง*
*อุปกรณ์จากโลกภายนอกนั้นมีของที่ไม่สามารถรู้วิธีใช้ได้ด้วยลางสังหรณ์อยู่มากเกินไป
แต่กระนั้นก็ยังมีอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่เข้าใจถึงวิธีใช้งาน, บางชิ้นสามารถใช้งานได้ตามปกติอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หากใช้งานมันได้ ก็จะสามารถทำการรับความเมตตาจากวิทยาการชั้นสูงของโลกภายนอกได้ แต่ขายอุปกรณ์ที่ใช้งานได้ส่วนใหญ่นั้นเขาจะไม่ขาย
กล่าวคือ รับความเมตตาจากวิทยาการชั้นสูงของโลกภายนอกแต่เพียงผู้เดียว นั่นเอง
(สำนวน "รับความเมตตาจาก..." นี้ปกติจะใช้กับพวกเทพเจ้าหรือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เช่น จากแสงอาทิตย์ จากเทพเจ้า ฯลฯ)
(มีความหมายถึงการได้รับประโยชน์และความสุขจากสิ่งนั้นๆ)
แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของร้านคนไหนที่ไม่เหมาะกับการทำมาค้าขายขนาดนี้อีกแล้ว
แต่ก็มีเพียงร้านโควรินโดวเท่านั้นที่จำหน่ายอุปกรณ์จากโลกภายนอก จึงมีลูกค้าขาประจำอยู่เหมือนกัน
(มิโกะไถ่ตัง&แม่มดจอมโด้ของ)

ร้านโควริวโดว 

อาคารแบบต่างประเทศซึ่งมีข้าวของวางระเกะระกะไม่เป็นที่เป็นทาง โดยมีป่าเวทมนตร์อยู่เบื้องหลัง
นั่นล่ะ ร้านโควรินโดว
เป็นร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์จำพวก อุปกรณ์จากโลกภายนอก, อุปกรณ์ของโยวไค, อุปกรณ์ของโลกวิญญาณ อะไรทำนองนั้นมากกว่าของใช้ประจำวัน
ร้านโควรินโดวไม่ปฏิเสธทั้งมนุษย์และโยวไค ไม่ว่าใครก็เข้าไปจับจ่ายได้
ภายในร้านมีสิ่งของมากมายถูกจัดวางไว้อย่างลวกๆ จนนึกได้แค่อย่างเดียวว่าเป็นคลังสินค้า
สิ่งของที่ถูกวางเรียงรายล้วนเต็มไปด้วยของที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ดังนั้นถ้าสนใจของชิ้นไหนขึ้นมาก็ต้องถามเจ้าของร้านเท่านั้น
ไม่มีราคาแปะไว้และไม่รู้ราคาตลาด จึงควรระวังเรื่องราคาเปลี่ยนแปลงตามใจปากของเจ้าของร้าน
(เวลาไปซื้ออย่าพูดอะไรทื่มันไม่เข้าหูนะเดียวนํ้าตาตกเพราะของแพงหูฉี่)
ด้านในของร้านมีคลังสินค้าที่ค่อนข้างใหญ่เอาการอยู่ และอุปกรณ์ที่หลับใหลอยู่ในที่แห่งนั้นล้วนเป็นสินค้าไม่ขาย
การที่ไม่ขายสินค้าที่ตัวเองถูกใจหรือเห็นว่ามีประโยชน์จนไม่รู้ว่ามีความตั้งใจจะค้าขายรึเปล่า* ก็ถือเป็นลักษณะเด่นของร้านโควรินโดว
*ไม่มีหรอก

สินค้าหลักที่กำลังวางขายในร้านโควรินโดว


・Stove

ต่อให้เป็นฤดูหนาว แต่ในร้านโควรินโดวก็ยังอบอุ่น
ออกจะถึงขั้นร้อนเสียด้วยซ้ำ แต่ยังไงเสียก็ต้องนับเป็นพระคุณของเจ้า Stove (เครื่องทำความร้อน) ตัวนี้

แต่เชื้อเพลิงของมันไม่สามารถหาได้โดยทั่วไป* ดังนั้นซื้อไปก็ไม่มีประโยชน์
*3แล้วเขาไปเอาเชื้อเพลิงมาจากไหนกันนะ


・Personal Computer

ภูตรับใช้ของโลกภายนอก*
*ภูตรับใช้แพ้น้ำ, เจ้า Computer นี่จึงแพ้น้ำเช่นกัน
สามารถรวบรวมข้อมูลได้ในพริบตาด้วยคำสั่งง่ายๆ

แม้จะมีรูปร่างมากมายหลายแบบ แต่เจ้าของร้านไม่เคยแม้แต่จะทดลองใช้งาน
พูดได้เต็มปากว่า ซื้อไปก็เปล่าประโยชน์


・โทรศัพท์มือถือ

สามารถใช้สนทนากับผู้ที่อยู่ไกลออกไปได้
ดูเหมือนจะเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุดซึ่งสามารถติดต่อพูดคุยได้กระทั่งบรรพบุรุษที่อยู่ในโลกวิญญาณ แต่เจ้านี่ก็ยังไม่เคยทดลองใช้เช่นกัน

คงเอาไปใช้ได้แค่เป็นหนึ่งในห่ากระสุน โดยขว้างออกไปสุดแรงเท่านั้น


・กล้องถ่ายรูป

กล้องถ่ายรูปแบบเดียวกับที่พวกเทนกุใช้กัน
แต่มีขนาดเล็กและบางเบากว่ากล้องถ่ายรูปของเทนกุ
ดูเหมือนเจ้าของร้านจะกล่าวไว้ว่า มันมีอีกชื่อว่า Digital Camera

ไม่ว่าจะทำยังไงกับเจ้านี่ ก็ไม่มีภาพถ่ายออกมาเลย
การาคุตะ
(หมายถึง สิ่งของที่ไม่มีค่าแล้วหรือใช้งานไม่ได้แล้ว ว่าง่ายๆก็คือ ขยะ)


・Television (TV)

กล่องที่สามารถฉายวิญญาณของทิวทัศน์ที่อยู่ไกลออกมาได้

สิ่งที่ฉายภาพมนุษย์จะมีวิญญาณมาสิงสู่ได้ง่าย, น่าจะใช้ประโยชน์ในการเก็บพลังวิญญาณได้


・เครื่องกรองน้ำ

อุปกรณ์ลึกลับที่สามารถทำให้น้ำใสสะอาดได้ด้วยการผ่านน้ำลงไปในตัวมัน

แต่รสชาติแย่โดยไม่ทราบสาเหตุ สงสัยของเก่าเกินไป
จึงไม่เป็นที่นิยม


・เครื่องเกม PS3 3DS PSP PSV Xbox

กล่องปริศนา
ของเล่นของโลกภายนอก
มีรูปแบบหลากหลาย

วิธีเล่นไม่แน่ชัด แต่นิยมเอามาตั้งวงเตะเล่นกันแบบเคะมาริ
(กีฬาเตะบอลรูปแบบหนึ่งของญีปุ่น เป็นที่นิยมในยุคเฮย์อัน)

หลังจากทื่ได้เดินชมไปทั่วร้านแล้วท่านก็จะสะดุดไปมองเห็นรูปนี้เข้า !!

ไม่ก็....


แต่เนื่องจากมันหล่อเกินไปเลยหารู้เสื่อมชวนให้นํ้าลายไหลกัน
(คาดว่านํ้าลายจะไม่ไหลอะดิ)

พ่องงงงงงง !!! (หลายท่านคงพูดแบบนี้ 100%)
เอาเป็นว่าวันๆพื่แกไม่ขายของก็คงใชว์ห่วยนะแหล่ะ
จบละ อาเวเซชา ละชะช่า ~ สาระมีแค่ต้นตอน ~....


Touhou ประวัติน่าเศร้าของ Yuyuko

สวัดดีทุกท่านทื่เข้ามาเสพ นะค่ะ !?

หลังจากทื่ไม่ได้อัพบล็อกมานานนับ 2-3 วัน ทำให้บางท่านไม่พอใจชูป้ายไฟประท้วงกันยกใหญ่
 " มาริ มาริ  อัพบล็อก อัพบล็อก "
เอาเป็นว่าวันนี้มาทำความรู้จักเกี่ยวกับตัวละครใน Touhou ทื่ชื่อว่า Yuyuko กัน !!

 Remix เละเทะโดย Mari-Ash



ชื่อไทย : ไซเงียวจิ ยูยูโกะ
ชื่ออังกฤษ : Saigyouji Yuyuko
ชื่อญี่ปุ่น : 西行寺 幽々子
เผ่าพันธุ์ : ผี
ความสามารถ : ควบคุมความตาย
ที่อยู่ : ตำหนักหยกขาวหรือเมย์ไค(โลกวิญญา๊ณ)

ไซเงียวจิ ยูยูโกะ เจ้าหญิงแห่งโลกวิญญาณ ผู้มีความสามารถในการควบคุม
ความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ประวัติของเธอหากจะกล่าวถึง เรื่องก็ย้อนกลับ
ไปยังอดีตกาล โดยกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกวีสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ทางด้านการกินจุ
อันล้ำเลิศอาศัยอยู่ในเกนโซเกียว เธอเป็นคนที่รักธรรมชาติอย่างมากและมักจะ
ใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางไปใหนมาใหนอยู่ที่เกนโซเกียว และเธอยังมีเพื่อนสนิท
อยู่คนหนึ่งซึ่งใครก็รู้จักเธอในนาม " นอนปล่อยบอท " ก็คือยาคุโมะ ยูคาริ โยว์ไคผู้สิ่งสู่ในเส้นเขตแดนนั่นเอง แต่สิ่งที่
ตัวเธอนั้นไม่พึงปรารถนาและหวาดกลัวมันมาตลอด ก็คือความสามารถในการ
"ควบคุมความตาย" ซึ่งนับวันมันก็เริ่มมีพลังแข็งกล้าขึ้นเรื่อยๆ จนถึงกับขั้นชักจูง
ให้คนสามารถตายได้เป็นว่าเล่น เธอกลัวว่ามันจะไปควบคุมผู้อื่นให้พากันฆ่าตัวตายจึงคิด
จะทำการผนึกมันด้วยความตายของตนเสียเอง และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอซึ่ง
ยังคงเป็นมนุษย์อยู่ได้ไปพบกับยูคาริ เพื่อขอให้ยูคาริช่วยเป็นเพื่อนกับเธอแม้ว่า
จะกลายเป็นดวงวิญญาณไปแล้วก็ตาม และกล่าวขอโทษในสิ่งที่ตนได้กระทำลง
ซึ่งยูคาริก็ได้รักษาสัญญานี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบันในฐานะ "เพื่อน" และจะเป็น
เช่นนั้นไปตลอดกาล... กวีสาวได้เลือกสถานที่ฆ่าตัวตายที่ตนชอบ เป็นต้นซากุระ
ขนาดใหญ่ซึ่งนับว่างามที่สุดตั้งตระหง่านอยู่ในสวนตำหนักหยกขาวในโลกวิญญาณ 

 
( สวยชิมิละ ว่างๆก็ไปฆ่าตัวตายกันได้นะ )

และแล้วเธอก็ได้ฆ่าตัวตายลงตรงใต้ต้นซากุระใหญ่ต้นนั้น ซึ่งภายในเวลาต่อมา
ต้นซากุระต้นนั้นก็ได้เบ่งบานอย่างงดงามหาต้นใดเทียบได้ และได้ชักจูงเหล่าผู้คน
จำนวนมากที่คิดจะฆ่าตัวตายเช่นเดียวกันพามากันตายอย่างสงบ ณ ตรงที่แห่งนั้น
จนมันถูกขนานนามว่า "ไซเงียวอายาคาชิ(ภูติท่องตะวันตก)" และต่อมามันก็สะสม
พลังจนพัฒนากลายเป็นโยว์ไคไปในที่สุด อีกทั้งมันยังได้รับความสามารถมาจาก
กวีสาวผู้นั้นก็คือ "ควบคุมความตาย" อีกด้วย ทำให้แม้แต่คนธรรมดาก็ถูกชักจูงมา
สู่ความตาย จนกระทั่งได้มีคนมาฆ่าตัวตายเพิ่มมากแบบลดกระหนํ่า 50% และแล้วในที่สุด
ก็ได้มีผู้แกร่งกล้ามากำหราบไซเงียวอายาคาชิและทำการปิดผนึกมันไว้โดยใช้ร่าง
ของกวีสาวผู้นั้นเป็นร่างผนึก ทำให้ไซเงียวอายาคาชินั้นอ่อนโรยจนแห้งเฉาตายไป
และไม่กลับมาเบ่งบานอีกเลย หลังจากนั้นอีกทางด้านหนึ่ง ก็มีหญิงสาวได้ตื่นขึ้นมา
จากการหลับไหลอันยาวนาน เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลย รู้เพียงแต่ว่าใน
ขณะนี้เธออยู่ในสถานที่ๆเรียกว่า "ตำหนักหยกขาว" ซึ่งตั้งอยู่ในภพที่เรียกว่าเมย์ไค
และเธอก็เป็นวิญญาณเพียงดวงเดียวที่มีร่างเนื้อ จึงทำให้เธอได้กลายเป็นเจ้าหญิง
แห่งโลกวิญญาณไปโดยปริยาย ในนามของ "ไซเงียวจิ ยูยูโกะ" และแล้วเวลาก็ได้
ล่วงเลย จนมาถึง 1000 ปีต่อมา ณ วันหนึ่งยูยูโกะได้เกิดความสงสัยว่า ทำไมซากุระ
ต้นใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านเด่นอยู่กลางสวนนั้นจึงไม่ผลิบานเสียที ไม่ว่าจะผ่านพ้นช่วง
ฤดูใบไม้ผลิไปซักกี่รอบก็ยังคงเป็นเช่นนั้นมาตลอด ยูยูโกะจึงได้เข้าไปค้นหาตำรา
และบันทึกเก่าๆในหอสมุดประจำตำหนักหยกขาวที่ตัวเธอมักจะเข้าไปใช้เป็นประจำ
จนไปพบกับบันทึกเล่มหนึ่งเข้าอันมีเนื้อความได้ว่ามีวิญญาณของหญิงสาวผู้หนึ่ง
ได้ผนึกไซเงียวอายาคาชิไว้ และหากปลดผนึกออกมาจะทำให้ไซเงียวอายาคาชิ
กลับมาผลิบานได้อีกครั้งหนึ่ง ทั้งยังคืนชีวิตกลับคืนให้แก่หญิงสาวคนนั้นอีกด้วย
โดยปกติแล้ว สรรพสิ่งที่อยู่ในโลกแห่งวิญญาณนั้นเกือบทั้งหมดเป็นร่างวิญญาณ
ดังนั้นเธอจึงเกิดความสงสัยและความสนใจต่อซากศพที่ถูกฝังไว้ให้นอนหลับไหล
อยู่ใต้ไซเงียวอายาคาชิ ด้วยเหตุฉะนี้เอง ยูยูโกะจึงมีความคิดที่ว่าจะปลดปล่อย
ผนึกนั้นออกมา ซึ่งสำหรับยูยูโกะนั้นตามปกติแล้ว ไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย
นอกจากเชิญชวนผู้คนหรือไม่ก็โยว์ไคมาสู่ความตายอันเป็นการจุดจบสิ้นแห่งชีวิต
จึงกล่าวได้ว่า ตัวเธอที่เป็นเช่นนั้นกำลังพยายามจะคืนชีพให้กับคนตายเป็นครั้งแรก
ยูยูโกะได้สั่งคอนปาคุ โยว์มุ คนดูแลสวนประจำตำหนักอีกทั้งยังเป็นผู้รับใช้คนสนิท
ให้ทำการรวบรวมฤดูใบไม้ผลิเอาไว้ให้มากที่สุดทั้งจากโลกวิญญาณเองและเกนโซเกียว
ก็ด้วย โดยรูปร่างของฤดูใบไม้ผลินั้นจะเป็นเหมือนกลีบดอกซากุระนั่นเอง จนกระทั่ง
เธอรวบรวมมาได้ระดับหนึ่ง ทำให้ต้นซากุระต้นอื่นๆต่างก็ผลิบานสะพรั่งอย่างงดงาม
ส่วนไซเงียวอายาคาชิก็เริ่มผลิดอกออกมาบ้างแล้ว แม้จะเล็กน้อยก็ตาม แต่นั่นกลับทำให้
เกนโซเกียวประสบภัยพิบัติฉิบหายวายวอดขาดฤดูใบไม้ผลิไป แม้จะเข้าเวลาล่วงเลยแล้วก็ยังคงเป็น
ฤดูหนาวอยู่ แผนการที่กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ในที่สุดก็ถูกขัดขวางโดยเหล่า
สาวน้อยชาวมนุษย์ทั้ง 3 คน(ก็มี ขาวแดง ขาวดำ เมดPAD) ที่ต้องการจะช่วงชิงเอาฤดูใบไม้ผลิกลับคืนสู่เกนโซเกียว
ยูยูโกะได้ต่อสู้อย่างสุดแรงเกิดเพื่อทำสิ่งที่ต้องการให้บรรลุผล สุดท้ายก็โดน 3 สาวอัดจน K.O
  ส่งผลให้ผนึกถูกทำลายออก และวิญญาณของกวีสาวที่ถูกผนึกก็
ได้รับการปลดปล่อยออกมา แต่หญิงสาวคนนั้นกลับเป็นยูยูโกะเสียเอง  เรื่องราวต่างๆ
ในบันทึก ทั้งเรื่องที่ว่าหญิงสาวผู้จากไป ทั้งเรื่องกวีสาวที่ถูกผนึก ซึ่งมันก็คือเรื่องราว
ความเป็นมาของยูยูโกะเองทั้งสิ้น รวมถึงการที่เธอไม่ได้ไปเกิดใหม่(บาปหนา) ทั้งการที่ไม่ได้หาย
สาบสูญไป และทั้งการที่ได้อาศัยในตำหนักหยกขาว ก็เป็นผลมาจากการมีอยู่ของร่าง
ผนึกแห่งไซเงียวอายาคาชินั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดไปคลายผนึกอันนี้ออก เวลาที่หยุดนิ่งอยู่นั้น
ก็จะไม่ถูกหยุดจะกลายเป็นเริ่มไหลเวียนแทน ซึ่งนั่นจะเป็นการประสบกับความตายของ
ยูยูโกะอีกครั้ง และแล้วผนึกก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ไซเงียวอายาคาชิก็กลับมาสงบลง
ดังเดิม ยูยูโกะตื่นขึ้นมาอีกครั้งและจำอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อได้ลองถามพวก
เรย์มุที่ได้ประสบกับเรื่องนี้กับตา ก็ไม่มีใครยอมบอกสักคน แม้กระทั่งโยว์มุผู้เป็นคนสนิท
ก็ไม่ได้บอกด้วยเช่นกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หากจะหาบุคคลผู้รู้เรื่องราวทั้งหมดนั้นก็คงมีอยู่
เพียงคนเดียวนั่นคือคอนปาคุ โยว์กิ ผู้เป็นทั้งบิดาและอาจารย์ของโยว์มุ และเป็นผู้ดูแล
คนก่อนของยูยูโกะ ซึ่งได้แยกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษที่ใหนสักแห่งโดยที่ไม่มีใครรู้
ยูยูโกะเป็นตัวละครที่มักจะอารมณ์ดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ เธอเป็นผีที่ตะกละมาก จนเรียก
ได้ว่าเธอคงจะไม่รู้จักคำว่าอิ่มด้วยซ้ำ มีความไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ และชอบแกล้งหรือ
หยอกล้อเหย้าแหย่โยว์มุเป็นบ่อยครั้งเมื่อมีโอกาส สร้างความลำบากและเหนื่อยใจให้แก่
ตัวโยว์มุยิ่งนัก อีกทั้งสิ่งที่ยูยูโกะชื่นชอบนั้นก็คือ การชื่นชมต้นซากุระเบ่งบานในยามฤดู
ใบไม้ผลินั่นเอง สุดท้าย ไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด ยูยูโกะก็จะใช้ชีวิตเป็นองค์หญิงของ
โลกวิญญาณและเป็นคุณหนูของตระกูลไซเงียวจิผู้มีร่างดับสูญไปแล้วตลอดกาล เรื่องที่ว่า
ยูยูโกะจะได้ดูไซเงียวอายาคาชิผลิบานอีกครั้งนั้น จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีก... 

จบละ อาเช เอวัง ว่างๆก็ไปฆ่าตัวตายได้นะคุณเอย~...

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สถานทื่ท่องเที่ยวพักสมองกระเป๋าฉีก

วันนี้วันศุกร์...

วันนี้วันศุกร์...

วันนี้วันศุกร์ !!! เป็นวันทื่นักเกรียน เอ๊ย !! นักเรียนและคนหน้าแก่ก่อนวัยในทื่ทำงานได้กระโดดโลดเต้นหนีภารรเมียไปผับ-บาร์กันสนุกสุขสำราญ ซึงหลังจากทื่ท่านกลับมาข้าพเจ้าก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะว่าท่านจะได้เจอกันภรรเมียทื่แสนดีซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง หลังจากตรวจพบว่าเสื้อท่านมีรอยจูบ
เอาเป็นว่าไปเคลียร์กันเองก็แล้วกันไม่ต้องมาลาก โมโควเลย

                    **************************************************************

วันนี้โมโควก็จะมีความรู้(?)ดีๆมาฝากทุกท่านเกี่ยวกับการเดินทางและแพคของเข้าค่าย
 (มีรูปประกอบบางรูปเพราะขี้เกียจหาจาก Google เบื่อมัน !!)


 ทะเล

ถ้าบ้านท่านอยู่ใกล้นํ้า(โค้ก?)ทะเล ท่านก็ชวนท่านพ่อท่านแม่ไปเที่ยวได้นับว่าเป็นการผ่อนคลายทื่ดีมาก
สำหรับวัยทีนก็ไปลงกันทื่ร้านเกมหมด (แต่ตอนนี้ทะเลสีสวยๆคงหาดูได้ยากแล้วแหล่ะ)



เขาใหญ่

ถ้าท่านเป็นคนชอบเดินป่า-ย่างแมว-เตะหมู-ตบเมีย-บูชาคนใส่ " PAD " ก็แนะนำนะค่ะทื่เขาใหญ่ ไปเดินให้กวางขวิดก้นกันได้ สำหรับใครทื่เบื่อแฟนบูชากิ๊กก็ให้แฟนท่านนั่งตรงจุดนี้แล้ว 3..2..1.. Raider Kick ได้ตามสบาย (ถ้าไม่ตายละซวยแน่ๆ)

สำหรับนักเดินป่ามือใหม่ ท่านสามารถติดต่อกับทางอุทยานเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำทางได้
เมื่อเดินทางขึ้นเขาใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวจะได้ พบกับธรรมชาติที่สัมผัสได้จริงสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณนานาชนิด  หลายคนอาจคิดว่าการมาเที่ยวป่าคงไม่มีอะไรไปมากกว่าการดูต้นไม้ใบหญ้า แต่ถ้าลองได้สังเกตคุณก็จะได้พบกับ ต้นไม้บางชนิดที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน ความสดใสของพืชพันธุ์ต่างๆ เมื่อต้องฝน ดอกไม้ป่านานาชนิด เสียงนกร้องก้องไพร สายน้ำตกที่หลั่งไหลกระแทกก้อนหินจนหินแตก ! เนื่องจากเขาใหญ่เป็นป่าดงดิบชื้นส่วนใหญ่ จึงมีพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ตลอดปี ตลอดชาติ
เพียงเท่านี้การไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด แถมเป็นจุดฆ่าคนได้ด้วยนะ (หะหือ !?)


แต่ก็ว่าละน๊า ~ วันหยุดสุดสัปดาห์เมื่อท่านคิดอะไรไม่ออกสุดท้ายท่านก็ดักดานอยู่แต่ในบ้านจนขน
(หน้าแข้ง)ขึ้น

เอาเป็นว่า 2 วันไปเที่ยวพักผ่อนสบายสมองแต่ไม่สบายกระเป๋าแค่นี้ละกัน

จบละ อาชา เอวัง ทำอะไรไม่สุขใจเท่าเตะคนเอ่ย ~...

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีการวาดตัวละครแบบ SD น่ารักน่าตบ

  สวัดดีพวกนักเขียนมือใหม่และพวกนักเขียนมือหงิกง่อยทั้งหลาย


วันนี้ก็ไม่มีอะไรจะอธิบายให้มากเกี่ยวกับสเตปการวาดรูปตัวละครน่ารักๆ หรือทื่เรียกกันว่า SD

" อย่างแรก " เครื่องมือเครื่องเขียนท่านต้องหามาให้ได้ดั่งนี้

1.ดินสอ 2B HB
2.ยางลบยี่ห้อดีๆ ไม่ใช่อันละ 5 บาทนะ
3.กระดาษ A4 ไม่ก็ B5 แต่ถ้ามือใหม่จริงเอา A4 ไปก่อน
4.จิตใจทื่มุ่งมั่นในการวาด
5. นมถั่วเหลือง 1 กล่อง (ไว้ถวายให้คนเขียนบทความนี้)

SD คืออะไร? - SD ย่อมาจาก Super Deformation คือ แบบว่า เป็นการดีฟอร์มหรือปรับเปลี่ยน(อธิบายยากแฮะ)
แต่หลายๆคนคงจะรู้แล้วล่ะนะว่าออกมาแบบลักษณะไหน 
" หรือทื่รู้ๆกันคือ ตัวละครเป็นโรคปริโอ " (ถูกมั้ยว้า)

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลักๆ SD จะมีสเกล หัว:ลำตัวทั้งหมดเป็น 1:2 และ 1:3 ค่ะ แต่มารินี้จะพูดถึงแบบ 1:2ก่อนนะคะ
(ความจริงจะมีแบบ 1:1.5 แต่ไว้กล่าวถึงโอกาสหน้าูู^^)
วิธีแบ่งสเกลง่ายๆโดยการวาดวงกลม(วงกลมจงเจริญญญญ) 1:2 ก็วาด2วงต่อกัน
1:3ก็3วงต่อกัน


และนี้คือนายแบบทื่เสียตัว เอ๊ย !! สละมาเป็นนายแบบให้ได้ดูกัน 


 " ชัดมั้ย "  
จากรูปจะเห็นได้ว่า แบบแรก ส่วนลำตัวและขาจะอยู่วงกลมเดียวกัน
แบบที่สองจะสมจริงกว่าแบบแรกนิดนึง ลำตัวและขาจะอยู่คนละวง




ต่อไปเป็นการเลือกดวงตามาใช้ ให้ดูดีมีจุดเด่น 



นี่เป็นตัวอย่างแบบตาของตัวละคร SD ที่ มาริมักใช้บ่อยๆ เป็นเพียงหนึ่งในแสนล้านแบบเท่านั้นเองค่ะ
ในส่วนนี้ก็แล้วแต่สไตล์ และลายเส้นของแต่ละคนนะคะ
(จะว่าไปไม่ค่อยได้วาดแบบ SD มาลงเลยแฮะ)


ต่อไปเป็นการเลือกใช้กบาลให้ถูกตามใจเรา 



ตัวอย่างแบบโครงหน้าของตัวละคร SD แบบต่างๆ
ส่วนใหญ่ที่ มาริ ถนัดคือแบบ A-B ค่ะ
แบบ B เป็นการวาดแบบเน้นดวงตา(แนวนี้ลองไปใช้กับตัวละครแบ๊วๆจะพาวเวอร์อัพความแบ้วได้สุโค่ยค่ะ)
แบบ C ...ใช่ว่าตาใหญ่ๆโตๆใสๆจะน่ารักกว่าตาเล็กๆแบบนี้(ใครเคยเล่นอร็คนาร็อกแบตเทิลจะร้องอ๋อ)
แนวนี้จะทำให้ตัวละครดูมุ่งมั่นค่ะ แต่อาจจะแสดงอารมณ์ได้ไม่มากมายเท่าไร
แบบ D (เหมือนโคโรเนโร่เป๊ะเลย) แป็นการวาดดวงตาเป็นเส้นปิด แนวไปอีกแบบ
ในส่วนนี้ก็แล้วแต่แต่ละคนแต่ละสไตล์เช่นกันค่ะ ไม่ใช่ว่า SD ต้องออกมาแบบนี้เป๊ะๆ

ต่อไปเป็นข้อระวังในการวาด ลูกตาอันแอ๊บแบ๊ว 


กับการวาดด้านข้าง หลักการก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแบบสัดส่วนคนธรรมดาเท่าไร
แต่ที่ต้องระวังคือการวางตำแหน่งของตาดำ
แบบที่1จะดูเหมือนตัวละครมองไปข้างหน้าแต่แบบที่2จะดูเหมือนมองไปข้างๆซะมากกว่า
ดังนั้นต้องเลือกใช้ให้ถูกนะคะ^^

 ต่อมา อารมณ์ของตัวละคร SD สามารถแสดงออกมาได้มากและได้อารมณ์มากกว่าแบบสัดส่วนจริง


 หรือไม่ก็เป็น

 ผู้หญิงละ บางคนยกป้ายไฟประท้วง ผู้หญิงก็มีนะ 


ข้างบนก็เป็นตัวอย่างอารมณ์ต่างๆค่ะ ความจริงอามรณ์ๆหนึ่งสามารถวาดออกมาได้หลากหลายมากถ้าเป็นตัวละคร SD
-----
Step by step SD
ร่างวงกลม2วง จากนั้นก็จัดการร่างท่าทางตัวละครคร่าวๆ

 เิ่พิ่มเติมรายละเอียด จนพอใจแล้วตัวเส้นเลย~~


 พอดูได้เนอะ? ถ้าคิดว่าทำได้มันก็คงได้เองแหละ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม...
หมั่นฝึกฝนต่อไปทาเคชิ ชิ.... (โปเกม่อนละ)

สำหรับวันนี้ก็มาอัพแค่นี้เพราะมันยาวยิ่งกว่าหางว่าว(งู)
ใครไม่มาคอมเม้นหรือมาอวดผลงานละก็...แม่จะจับต้มเลย
มาส่งผลงาน+ติดตามได้ทื่
Facebook : Fujiwara No Mokou (Mokotan) 
 

จบละ อาชา เอวัง เหนื่อยละเอย~....

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิธีการคอมเม้น

สวัดดีทุกท่านทื่อดอยากปากแห้ง

วันนี้ก็จะมาสอนแบบนุ่มนวลให้ทุกท่านได้ตรัสรู้เกี่ยวกับวิธีการคอมเม้นในบล็อกฉัน มันก็คงจะยากอยู่นิดๆอะน่ะ

 " อย่างแรก "
ให้ทุกท่านเปิดบล็อกนี้ขึ้นมา 



แล้วท่านก็จะเห็นว่าโมโควคนนี้ดักดานอยู่กับ Windows XP
ไม่ต้องไปสนใจมันเดียวเดือน 8 ก็ได้ของใหม่แล้ว

 " ต่อมา "
ให้ท่านอ่านให้จบแล้วสังเกตดีๆใครตามองไม่เห็นก็ไปตัดแว่นซะ 


ทื่นี้ให้กดเข้าไป กดเบาๆนะเดียวมันเจ็บ

" ต่อมาอีกนิด "
หลังจากทื่กดเข้าไปแล้วก็จะเจอแบบนี้ ?


แล้วท่านก็จะคอมเม้นอะไรก็เรื่องของท่าน
 แล้วก็กดตรง ปุ่มสีส้มๆด้านล่าง

" จบแล้วกับการคอมเม้น "


แค่นี้ท่านก็จะสามารถ มาคอมเม้นให้นักเขียนชื่นใจได้อีกนานเลยทื่เดียว

จบละ อาชา เอวัง ใครไม่มาคอมเม้นละงอนเอย ~ ..... 
 

พื่น้องและการปรองดอง&Pocky Game

สวัดดีคนทื่เข้ามาเสพค่ะ


วันนี้ขอตั้งชื่อโพสนี้ว่า " พื่น้องและการปรองดอง "
อยากถามหน่อยว่าในที่นี้มีใครมีพี่น้องบ้างน่ะ ?
ฉันเองก็มีพื่ชายอยู่ตนหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะวัยที่ห่างกัน
 (สัก 3-4 ปีไกลลิบลับ... =A=) 
เลยมีบางเรื่องที่ไม่เข้าใจกันบ้าง มักทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของพี่น้องในชายคาเดียวกัน
แต่ถึงขั้นลงไม้ลงมือนี่ก็ไม่ไห
วล่ะ ก็พื่ชายฉันเป็นผู้ชายเลยทำให้พื่แกไม่กล้าหือกะฉันสักเท่าไหร่ 
" บางครั้งมันจะน่าตบกะโหลกทั้งพื่ทั้งน้องก็เหอะ " (คำพูดท่านแม่)
ยังไงๆ พี่น้องมันก็ตัดกันไม่ขาดน่ะนะเห็นทุกทีงอนใส่กัน ส่วนมากก็คืนดีกันตลอดยามตกทื่นั่งลำบาก
ดังนั้นถ้ามีปัญหาอะไรก็ควรคุยกันดีๆ อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหากันนักเลย เดี๋ยวความสัมพันธ์ในครอบครัวจะพังเอาซะเปล่า
ดังเช่น 2 พี่น้องที่ใช้กำลังแก้ปัญหา บทสรุปจึงออกมาเช่นนี้~ 
 (โมโคว VS ตาเคียว ศึก Pocky Game ทื่กินเพลินจนจูบกัน)
 เอาเป็นว่าในตอนนี้โมโควกับพื่ชายก็ปรองดองกันมาดีตลอด จนแม่ได้เสียชีวิตไป 
เอาเป็นว่าท่านทั้งหลายทื่มีพื่น้องก็อย่าได้ทะเลาะหาเรื่องตีกันให้เจ็บเลย หันหน้าเข้าหากันแล้วนินทา พ่อแม่จะดีกว่า  ( พูดเล่นๆอย่าทำตามนะ เดียวโดนตบหน้าหัน)

จบละ อาชา เอวัง หน่อยแน่มึง ~..... 


[Touhou] ตำนานราหูอมจันทร์แบบรั่ว....

สวัดดีทุกท่านค่ะ 

ผู้เขียนคนนี้ขอใช้นามว่า Mokou (โมโคว) ละกันค่ะ

  วันนี้ฉันมีอารมณ์แบบคนแก่ๆ อยากเล่านิทานให้ฟัง

อ๊ะๆ ทำหน้าเบื่อๆ ไม่อยากฟังเรอะ?

 เฮ่ยๆ มันเป็นตำนานสำคัญที่คนเฒ่าคนแก่เล่าต่อกันมา ถึงปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่สามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ (ในสมัยนั้น) ได้ ผู้เฒ่าผู้แก่แกเลยดริฟท์แถ แต่งแต้มเรื่องให้เราเกรงกลัวกัน นั่นคือ~

"ตำนานราหูอมจันทร์" ค่ะ

แน่ะๆ อย่าหาวสิ คนเล่าอยากเล่านะเฟ้ย..
ราหูอมจันทร์ 

        เรื่องราหูอมจันทร์เป็นเรื่องราวที่ชาวบ้านรู้จักกันดี ถึงเวลาเช่นนั้นทุกคนต่างเอาใจช่วยพระจันทร์กันทั้งนั้น ต่างเกลียดพระราหูยิ่งนัก 
        เหตุการณ์เช่นนี้ปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ที่เรียกว่า จันทรุปราคา ชาวบ้านเรียก จันทร์อังคาด ตำนานมีว่า พระราหูกับพระจันทร์และพระอาทิตย์มีเรื่องโกรธเคืองกันอยู่ คือเมื่อครั้งเทวดากวนน้ำอมฤต คราวนั้นเทวดาพยายามกีดกันไม่ให้พวกอสูรได้ดื่มน้ำอมฤต แต่พระราหูซึ่งมีกำเนิดเป็นอสูรตระ***ลแทตย์ได้ปลอมตัวเป็นเทวดา และได้เล็ดลอดเข้าไปดื่มน้ำอมฤตนั้นได้สำเร็จ

        ฝ่ายพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งเป็นเทวดาอยู่ในที่ประชุม เห็นพระราหูละลาบละล้วงเช่นนั้น จึงทูลพระนารายณ์ให้ทรงทราบ พระนารายณ์กริ้วจึงเอาจักรขว้าง ถูกราหูขาดสองท่อนแต่ก็ไม่ตาย เพราะได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้ว ท่อนหัวกลายเป็นพระเกตุ (ตำนานว่าพระเกตุมีลูกเป็นดาวหางและผีพุ่งใต้) ตั้งแต่นั้นมา พระราหูประกาศเป็นศัตรูกับพระจันทร์และพระอาทิตย์ทันที คือพระราหูคอยจับพระจันทร์และพระอาทิตย์กินหรืออมไว้เพื่อเป็นการแก้แค้น ถ้าอมพระจันทร์เราเรียกว่าจันทรุปราคา ถ้าอมพระอาทิตย์เราเรียกว่าสุริยุปราคา ชาวบ้านเรียก "มีสูรย์มีจันทร์" หรือ "จัทนคราส สุริยคราส"

        รูปพระราหูเท่าที่จิตรกรเขียนกันนั้น เขียนเป็นหน้าแทตย์ที่ดุร้าย หางเป็นนาค สีกายดำหลัวๆ แต่ที่เขียนเป็นรูปยักษ์ครึ่งตัว สีเขียวกำลังอมพระจันทร์ก็มี

        ส่วนคติข้างพระพุทธศาสนา ก็มีประวัติแห่งความเป็นศัตรูระหว่างพระราหูกับพระจันทร์อยู่เหมือนกัน ตำนานว่าสมัยหนึ่ง เศรษฐีชื่อ หัสวิสัย มีบุตร ๓ คน เมื่อคราวทำบุญให้บิดา บุตรทั้งสามทำบุญตักบาตรกัน บุตรคนใหญ่เอาขันทองมาใส่ บุตรคนรองเอาขันเงินมาใส่ บุตรคนสุดท้ายแย่งไม่ทันเลยต้องเอากระทายมาใส่ เป็นเหตุให้น้องคนสุดท้องโกรธพี่ทั้งสองมาก

        ยิ่งกว่านั้นเมื่อตั้งสัตย์อธิษฐาน พี่ชายทั้งสองก็แย่งตำแหน่งดีๆ ไปเสียเกือบหมด คือคนหัวปีอธิษฐานขอเป็นพระอาทิตย์ พี่คนรองขอเป็นพระจันทร์ น้องสุดท้ายคิดไม่ทันเขาอีกก็โกรธ เลยขออธิษฐานเป็นพี่ชายของพระอาทิตย์และพระจันทร์เสียเลย ให้มีร่างกายใหญ่โตปิดบังแสงพระอาทิตย์แสงพระจันทร์ได้ 
        ครั้นสามพี่น้องตายลงต่างก็ไปเกิดตามที่ตนตั้งใจอธิษฐานไว้ น้องสุดท้องจึงไปเกิดเป็นพระราหู และคอยบังพระอาทิตย์ พระจันทร์เสมอมา นี่ก็เป็นตำราแห่งจันทรุปราคา และสุรยุปราคาอีกทางหนึ่ง. 
(เอื้อเฟื้อข้อมูลโดย http://www.patrunning.info)
เฮ้อ... หลับซะและ...
อย่างว่า... เรื่องเล่าของคนเก่าๆ แก่ๆ มันไม่เร้าใจวัยรุ่น
 ก็ไม่มีปัญญาพอจะแต่งเสริมเติมเรื่อง ให้สนุกสนานเตะตาต้องใจวัยทีนได้ ดังนั้นอย่างน้อย...
 แค่ภาพก็ยังดี! ฉันจึงขอให้พวกเธอ 2 คนมาช่วยแสดงประกอบตำนานบทนี้~

ปีศาจแห่งความมืด "Rumia"


  กับเจ้าหญิงNEETจันทรา  "Kaguya"


 และนี่คือภาพในตำนานบทนั้น~



ราหูอมจันทร์!!!
งาย~ Impact พอมั้ย? ตาสว่างกันรึยังล่ะวัยรุ่น?
สำหรับวันนี้ก็พอแล้วแหละ ไว้พบกับบทความทื่มันน่าตบกระโหลกนักเขียนได้ใหม่

จบละ อาชา เอวัง Neetจัง ซวยแล้ว เอย~...